เผยหมดเปลือก! เทคนิคเสริมวิธีล้างรถเคลือบแก้วด้วยตัวเอง
การดูแลรถยนต์อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอย่างการ ‘เคลือบแก้ว’ ที่จะช่วยปกป้องสภาพสีรถยนต์ให้สวยงาม เนื่องจากการเคลือบแก้วเป็นการสร้างชั้นฟิล์มแข็งเคลือบชั้นสีแท้ของรถเอาไว้ ด้วยวิธีการนี้จึงช่วยปกป้องสีแท้ของรถยนต์จากสภาพแวดล้อม มลพิษ และสิ่งต่าง ๆ ไว้ได้เบื้องต้น อย่างไรก็ตามการรักษาชั้นแก้วเอาไว้ให้ใช้งานได้นานจำเป็นต้องได้รับความสนใจระหว่างการดูแลรักษาเป็นพิเศษ บทความนี้จึงนำเทคนิคเสริม วิธีล้างรถเคลือบแก้ว ด้วยตัวเองมาฝากกัน
เทคนิคเสริมที่จะช่วยให้วิธีล้างรถเคลือบแก้วด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่าย
1. ฉีดน้ำเปล่าลงบนผิวรถ
เทคนิคแรกของวิธีล้างรถเคลือบแก้วด้วยตัวเองที่ทำได้ง่าย และไม่ส่งผลต่อชั้นผิวที่เคลือบเอาไว้ คือการฉีดน้ำไปที่ตัวรถ คุณอาจกังวลว่ารถที่ผ่านการเคลือบแก้วมาแล้วจะสามารถฉีดน้ำโดยตรงใส่ได้หรือไม่? หากน้ำที่ฉีดมีระดับความแรงเกินไปจนส่งผลให้รถเป็นรอย ชั้นฟิล์มที่เคลือบไหวหลุดหรือเปล่า คำตอบคือ เราสามารถฉีดน้ำได้โดยไม่ต้องกังวล แม้ว่าคุณสมบัติของชั้นฟิล์มที่มาจากการเคลือบแก้วจะมีความลื่นจนทำให้สิ่งสกปรกไม่สามารถเกาะติดผิวรถได้แน่น แต่ในกรณีที่รถคุณถูกใช้งานผ่านเส้นทางที่มีการก่อสร้าง และมีคราบยางมะตอยติดบนผิวรถการฉีดน้ำแรง ๆ จะช่วยให้คราบพวกนั้นหลุดออกไปได้ง่ายอย่างไม่ต้องเหนื่อยออกแรงขัดเพิ่มเติม
2. แบ่งส่วนการล้างรถ
การแบ่งส่วนรถเป็น 2 ส่วน คือส่วนด้านบน และส่วนด้านล่าง เป็นวิธีล้างรถเคลือบแก้วที่จะช่วยถนอมชั้นฟิล์มและขจัดคราบสิ่งสกปรกได้ในคราวเดียว โดยแยกผ้าที่ใช้ล้างตามส่วนของรถ อย่างการล้างรถส่วนบนเช่นหลังคา กระจกรถทุกด้าน ฝากระโปรงหน้า รวมไปถึงฝากระโปรงท้าย และส่วนด้านล่างที่ต่ำลงมาทั้งหมด เหตุผลที่ต้องแบ่งส่วนนั้นก็เพราะสองส่วนนี้มีโอกาสที่จะมีฝุ่นผงที่มีความหนาต่างกัน ส่วนด้านล่าง มักมีคราบหนักๆ มีฝุ่นทรายขนาดใหญ่ โคลนเกาะติดมา หากว่าเราล้างโดยไม่มีการแบ่งลำดับ เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงในการ สร้างรอยขีดข่วนให้เกิดขึ้นกับผิวของรถให้มากขึ้น เพราะความแข็งของทรายมีระดับพอๆ กับฟิล์มที่เกิดจากการ เคลือบแก้ว ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายกับเขาด้วยเหมือนกันแม้จะมีการปกป้องที่ดีเยี่ยมแล้วก็ตาม
3. หลีกเลี่ยงการล้างรถกลางแดดจัด
แม้ว่ารถของคุณจะผ่านการเคลือบแก้วมาแล้วก็ตาม แต่การล้างรถกลางแดดจัดหรือในช่วงที่อาการร้อนมาก ๆ ไม่ใช่วิธีล้างรถเคลือบแก้วที่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะแดดจะทำให้เกิดรอยคราบน้ำบนผิวรถ แน่นอนว่าคราบดังกล่าวค่อนข้างจัดการกับมันได้ยาก และทิ้งร่องรอยไม่น่าดูเอาไว้บนผิวรถ หรือที่เรียกกันว่าสนิมน้ำ แม้ว่ารถเคลือบแก้วจะสามารถจัดการกับรอยเหล่านี้ได้ง่ายกว่ารถที่ไม่ได้เคลือบ แต่การหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดสนิมน้ำในจุดที่ฟิล์มเคลือบเสื่อมสภาพโดยไม่รู้ตัวจะดีที่สุด
