บิ๊กจ้าว สั่งฟันไม่เลี้ยง ดาบชัย พร้อมลูกสมุน 9 ราย แก๊งอุ้มรีดเงิน แจ้งหลายข้อหาหนัก ยันดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดมีโทษถึงประหารชีวิต

           จากกรณีกลุ่มคนร้ายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อุ้มสาวขังกรง ปล่อยพิทบูลเฝ้า ทำให้สองสาวเกิดความหวาดผวา แล้วขู่รีดเงิน ก่อนปล่อยตัวออกมา ทำให้ผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับผู้ต้องหา 5 ราย และจับกุมตัวได้ทั้งหมด พร้อมสืบสวนขยายผลถึงตัวผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีกนั้น
            ต่อมา น.ส.หมวย อายุ 29 ปี เหยื่อแก๊งตำรวจเก๊อุ้มรีดอีกราย ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน และเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนและแฟนหนุ่มถูกแก๊งดังกล่าวก่อเหตุลักษณะเดียวกัน มีดาบตำรวจนายหนึ่งเป็นหัวหน้า รีดเงินไปจำนวน 20,000 บาท และบังคับจำนำรถไว้ในราคา 20,000 บาท ก่อนเอาไปใช้ก่อเหตุครั้งล่าสุดอีกด้วย
           จากนั้น พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาอีกจำนวน 6 ราย ก่อนจะสืบสวนติดตามจับกุม นายเบส ลูกสมุน (เจ้าของเซฟเฮ้าส์เกิดเหตุ) และจับกุม ดาบชัย หัวหน้าขบวนการได้ที่ลานจอดคอนโดแห่งหนึ่งได้ในเวลาต่อมา

           ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 4 ก.ย.64 เจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน 2 จังหวัดชลบุรี ได้ทำการตรวจค้นรถยนต์จำนวน 2 คัน ที่ตรวจยึดมาจากคอนโดที่พักอาศัยของดาบชัย หรือ ด.ต.กิตติพัทธ์ พันธ์แก้ว หรือ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี (ช่วยราชราชการ ศอ.ปส.ภ.จว.ชลบุรี) โดยคันแรกเป็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กฉ 5936 สระบุรี คาดว่าเป็นรถยนต์ส่วนตัวของดาบชัย ภายในตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืนจำนวนหลายกล่อง เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว และตู้เซฟ 1 ใบ ตรวจสอบภายในพบเพียงซองกันชื้น และไม่พบสิ่งผิดกฏหมายใดๆ
          ตรวจค้นรถอีกคัน เป็นรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บม 7315 ระยอง ซึ่งเป็นรถของเหยื่ออีกรายที่ถูกขบวนการนี้บังคับให้จำนำแล้วยึดรถไว้เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ภายในตรวจพบยาเสพติดหลายประเภท ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติกอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบ
         พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบก.ชลบุรี ได้เดินทางมาตรวจสอบคดีพร้อมเปิดเผยว่า สำหรับคนร้ายขบวนการนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือ เจ้าพนักงาน (เจ้าหน้าที่ตำรวจ) ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ เป็นผู้สั่งการ และส่วนที่สองคือ กลุ่มประชาชนหรือชาวบ้าน ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่แล้วก่อเหตุทำให้ผู้อื่นขาดอิสรภาพ และกักขังไว้เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นเงินสด เงินโอน หรือรถยนต์ ที่บังคับเอามาในทางที่ผิด ซึ่งส่วนของชาวบ้านผู้ก่อนเหตุนี้จะมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 5 คน ก่อเหตุโดยการรับคำสั่งจากดาบชัย เป็นผู้บงการ หรือหากพบเหยื่อ หรือสบโอกาสที่ลงมือได้ ก็จะทำการก่อเหตุทันที
            สำหรับผู้เสียหายในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ภายหลังเหยื่อถูกปล่อยตัวได้มาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที จึงสามารถเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ และร่องรอยการก่อเหตุ ทำให้สืบสวนติดตามจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายได้รวดเร็ว ส่วนความผิดในพื้นที่ สภ.หนองปรือ เป็นคนร้ายอีกกลุ่ม มีผู้บงการคนเดียวกัน คือ ดาบชัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบหลักฐานทรัพย์สินของผู้เสียหาย ที่ถูกคนร้ายก่อเหตุไป และยึดไว้เป็นประโยชน์ส่วนบุคคล โดยในวันนี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ ยังพบทรัพย์สินของผู้เสียหายหลายรายการ ที่ถูกก่อเหตุมาจากพื้นที่อื่น อีกทั้งยาเสพติดที่ตรวจค้นพบจะต้องทำการตรวจสอบเช่นเดียวกัน รวมถึงตรวจสอบความผิดที่ผู้ต้องหาขบวนการนี้ก่อเหตุไว้ในพื้นที่อื่นอีกด้วย
           ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาแล้วทั้งสิ้น 10 ราย แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บงการ 1 ราย คือ ดาบชัย กลุ่มผู้ก่อเหตุพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา 5 ราย และกลุ่มผู้ก่อเหต สภ.หนองปรือ 4 ราย เหลือเพียงผู้ต้องหาอีก 1 ราย (สภ.หนองปรือ) ยังหลบหนีอยู่ คาดว่าจะจับกุมตัวได้โดยเร็ว จากการตรวจสอบ ประวัติผู้ต้องหาพบว่าบางรายมีประวัติถูกต้องโทษ บางรายอยู่ในช่วงการประกันตัว หรือบางรายเป็นการกระทำความผิดซ้ำ
         สำหรับตัวดาบชัย หรือ ด.ต.กิตติพัทธ์ พันธ์แก้ว หรือ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี (ช่วยราชราชการ ศอ.ปส.ภ.จว.ชลบุรี) ผู้บงการหรือห้วหน้าขบวนการนี้นั้น ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ให้การใดๆ แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้รวบรวมมา มั่นใจว่าสามารถส่งฟ้องดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
เบื้องต้น ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว พร้อมแจ้งหลายข้อหาหนัก อาทิ เป็นเจ้าพนักงาน ปฎิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ,เอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรม ,ซ่องโจร ซึ่งความผิดที่กระทำนั้นมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต ส่วนผู้ร่วมขบวนการรายอื่นจะแจ้งข้อกล่าวหา ตามความผิดที่ก่อเหตุไว้ในสถานีตำรวจแต่ละพื้นที่
         ทั้งนี้ เชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้อีกหลายราย อยากฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชน ชาวบ้าน ผู้เสียหายที่ถูกบุคคลกลุ่มนี้ก่อเหตุลักษณะเดียวกัน ให้ออกมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด และดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุดต่อไป
Subscribe
Advertisement