ประชุมสภาเมืองพัทยาเดือด ถกยาวกว่า 4 ชั่วโมง เสนอญัตติก่อหนี้ผูกพัน 200 ล้าน เช่าระบบกล้องวงจรปิด ทดแทนตัวที่เสื่อมสภาพ ประธานสภาให้โหวตลับ แต่เสียงยังเสมอ สุดท้ายให้ไปแก้ไขมาเสนอใหม่

        เมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 ในการประชุมสภาเมืองพัทยาสมัยสามัญ สมัยที่สาม ครั้งที่ 1 ประจำปี 2564 นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา ได้เสนอญัตติเรื่องขอรับความเห็นชอบในการก่อหนี้ผู้พันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณ โดยสำนักยุทธศาสตร์ ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฝ่ายสื่อสาร ในโครงการจ้างเหมาเอกชนเพื่อให้บริการเช่าระบบกล้องวงจรปิด ระยะเวลา 36 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 64 ถึงเดือนกันยายน 67 เป็นระยะเวลา 3 ปี เป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาท
        เนื่องด้วยเมืองพัทยาได้ดำเนินโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ในหลายโครงการ ส่วนใหญ่สิ้นสุดระยะเวลารับประกัน และใช้งานมากว่า 7 ปี ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรค ทั้งเรื่องของบุคลากรไม่เพียงพอในการดูแลรักษาและซ่อมแซมระบบ อุปกรณ์ไม่ทันสมัยตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยจะทำการเช่าระบบเริ่มแรกจะทำการเช่ากล้องโทรทัศน์วงจรปิดจำนวน 940 ชุด เพื่อทดแทนกล้องเดิมที่มีอยู่ 2,027 กล้อง โดยค่าจ้างสัญญา 3 ปี แบ่งเป็น ปีที่ 1 พ.ศ.2565 ประมาณ 67 ล้านบาท ปีที่ 2 พ.ศ.2566 ประมาณ 67 ล้านบาท และปีที่ 3 พ.ศ.2567 ประมาณ 67 ล้านบาท
          จึงขอความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยาในการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่าย 3 ปีงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวน 30 ล้านบาท ระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม 64 ถึงเดือนกันยายน 65 ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 80 ล้านบาท ระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม 65 ถึงเดือนกันยายน 66 ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 90 ล้านบาท ระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 ถึงเดือนกันยายน 67
        ด้านนายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา ได้กล่าวว่า ขณะนี้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ว่าสถานการณ์ของเศรษฐกิจจะกลับมาเริ่มฟื้นตัวประมาณปี 65-66 ซึ่งสภาเมืองพัทยาจะได้ให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมสถานการณ์ของโรคโควิด-19
         ขณะที่นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า การดำเนินการตามแนวทางยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี เมืองพัทยาก็ได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว แต่การใช้งบประมาณต้องเกิดความคุ้มค่าสูงสุด ควรมีการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันว่า จุดติดตั้งกล้องวงจรปิดตรงไหน ควรปรับอย่างไร หากทำการติดตั้งไปแล้วจะได้รับประโยชน์จากการใช้งานจริงหรือไม่ ไม่ใช่แค่ทดแทนของเก่าที่พัง แต่ควรศึกษาเพิ่มเติมถึงความเหมาะสมต่างๆ อย่างรอบด้าน เพราะขณะนี้พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่โรงพยาบาลให้กลับบ้านไปกักตัวเอง แต่ก็ยังพบว่ายังใช้ชีวิตปกติ ควรหาแนวทางช่วยเหลือผุ้ป่วยกลุ่มเพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดขยายวงกว้าง
          ด้านนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวด้วยว่า ได้ทำงานศึกษาข้อมูลเรื่องสถานการณ์โควิด-19 อยู่โดยตลอด ขณะนี้ภาครัฐได้ดำเนินนโยบายเร่งด่วน “ล้มแล้วลุกไว” โดยให้องค์กรส่วนท้องถิ่นหาศึกษาแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินการในส่วนของกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่เสียหายไปนั้นเป็นการทดแทนของเกา่ที่เสื่อมสภาพ เนื่องจากปัจจุบันสามารถใช้การได้แค่ 44% ซึ่งในความจำเป็นต้องใช้งานได้ 95% การดำเนินการในส่วนนี้เป็นการรองรับอนาคตของเมืองพัทยาที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปี และสอดรับกับแนวทางพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ตามที่คณะกรรมการ EEC ได้ดำเนินการด้วย
         การพูดคุยต่อประเด็นดังกล่าวมีทีท่าไม่จบง่ายๆ หลังจากใช้เวลาประชุมสภาเมืองพัทยาแล้วกว่า 4 ชั่วโมง นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานเมืองพัทยาจึงได้ให้มีการโหวตออกเสียงแสดลงคะแนนแบบลับ ปรากฏว่าผู้เห็นด้วยจำนวน 4 เสียง ผู้ไม่เห็นด้วยจำนวน 4 เสียง และผู้ไม่แสดงความคิดเห็นจำนวน 8 เสียง และไม่สามารถหาข้อสรุปในญัติติที่ทางผู้บริหารเมืองพัทยาได้เสนอมาได้ ประธานสภาเมืองพัทยาจึงมีคำสั่งให้แก้ไขและมาเสนอมติดังกล่าวใหม่ในภายหลัง

Subscribe
Advertisement