ผู้บริหารโรงเรียนสว่างบริบูรณ์แจง การลดค่าบำรุงการศึกษาเป็นไปตามระเบียบและให้ความเป็นธรรม แต่หากมีการขยายเวลาการเปิดภาคเรียนออกไปอีกก็พร้อมนำเรื่องเสนอกรรมการบริหารพิจารณาอีกรอบเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง #เดอะพัทยานิวส์ #thepattayanews
จากกรณีที่มีกลุ่มผู้ปกครองเด็กนักเรียน ร.ร.สว่างบริบูรณ์วิทยา ตั้งอยู่ภายในซอยเนินพลับหวาน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเข้าพบคณะผู้บริหารของโรงเรียนในการเจรจาขอลดค่าบำรุงการศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หลังพบว่าบุตรหลานไม่สามารถเข้ามาเรียนได้ตามปกติ เนื่องจากทางกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้เลื่อนการเรียนการสอนมาตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนไปแบบไม่มีกำหนด ด้วยพบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่ที่ทางโรงเรียนทำส่วนลดค่าใช้จ่ายอัตราค่าธรรมเนียมบำรุงการศึกษาโดยแยกออกเป็นการปรับลดค่าใช้จ่ายให้ 1,500 บาท ในส่วนของการเรียนแบบภาคปกติ และจำนวน 3,000 บาท ในการเรียนภาคอินเตอร์ ซึ่งมองว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากเด็กนักเรียนไม่ได้ใช้ห้องเรียน แอร์ปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ อาหารกลางวัน นมสำหรับการบริโภค อินเตอร์เน็ต ห้องสมุด และอื่นๆ ซึ่งจากการประชุมร่วมกันพบว่ายังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจน เพียงแต่ทางครูที่รับเรื่องจะนำข้อเสนอต่างๆ ผ่านไปยังผู้บริหารเพื่อพิจารณาความเหมาะสมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ล่าสุดวันที่ 2 ก.ค.64 นายวินัย สิทธิดา รอง ผอ.ฝ่ายวิชาการ รร.สว่างบริบูรณ์วิทยา ชี้แจงว่าสำหรับส่วนลดค่าเทอมที่ทางโรงเรียนปรับลดให้กับทางผู้ปกครองนั้นได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการบริหาร และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ทางภาครัฐหรือตามหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กำหนด โดยคิดเฉลี่ยจากวันกำหนดเปิดการศึกษาเดิมคือวันที่ 14 มิ.ย.ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ค. รวม 33 วัน ซึ่งมีทั้งค่าอาหาร ค่าคอมพิวเตอร์ ค่าบริการ ICT แม้จะมีการเรียนการสอนทางออนไลน์ก็ตาม หรือเรียกได้ว่าอะไรที่แบ่งเบาภาระหรือลดได้ก็ดำเนินการให้ทุกด้าน เพราะหากคิดค่าเฉลี่ยตามหลักเกณ์คณิตศาสตร์แล้วถือว่าทางโรงเรียนปรับลดให้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายโรงเรียนยังต้องทำการเปิดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ต่อไป และมีการขยายเวลาเปิดภาคเรียนที่จะให้เด็กนักเรียนกลับมาเรียนที่โรงเรียนตามปกติด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดยังอยู่ในวงกว้าง ก็เป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราค่าธรรมการเนียมบำรุงการศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากการประชุมร่วมกับผู้ปกครองแล้วก็ได้เตรียมเสนอเรื่องต่อคณะผู้จัดการโรเรียนหรือผู้รับใบอนุญาต และกรรมการบริหารโรงเรียน ที่อยู่ในรูปแบบของมูลนิธิฯ เพื่อพิจารณา ก่อนจะแจ้งให้ผู้ปกครองทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจและเข้าใจถึงปัญหาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่อาจไม่มีความเข้าใจในการสื่อสารเท่านั้น
