เมืองพัทยาเตรียมทำ MOU ร่วมมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ หวังพัฒนาพื้นที่วังสามเซียนเป็นศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทย-จีน หลังเข้าตรวจยึดตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด จากกรณีมีผู้บุกรุกที่สาธารณประโยชน์กว่า 4 ไร่ จัดสร้างอาคารและถาวรวัตถุโดยไม่ได้รับอนุญาต

         หลังจากที่มีปัญหาข้อพิพาทและฟ้องร้องกันในชั้นศาลมาอย่างยาวนาน ระหว่างเมืองพัทยากับมูลนิธิมหากิจไพศาล โดยเมืองพัทยาตรวจพบว่ามีการบุกรุกครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ และมีการก่อสร้างอาคารและถาวรวัตถุโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่กว่า 4 ไร่ 60 ตารางวา บนเขาพระใหญ่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดฐานครอบครองที่ดินของรัฐตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 จนกระทั่งต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาจนถึงที่สุดว่าเมืองพัทยาออกคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย และให้ผู้บุกรุกส่งมอบคืนพื้นที่แก่รัฐ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดีในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น
         ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.64 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเมืองพัทยา คณะที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินและอาคารภายในบริเวณวังสามเซียนพัทยา พร้อมร่วมหารือแนวทางการพัฒนาร่วมกันกับคณะผู้บริหารของมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา โดยมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้ใช้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
          นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดแล้ว โดยระบุว่าเมืองพัทยาออกคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายและให้ทางมูลนิธิฯ ที่จัดสร้างส่งมอบพื้นที่คืนแก่รัฐ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดี ซึ่งหลังรับมอบเมืองพัทยาได้ปิดกั้นพื้นที่ไว้เพื่อเตรียมแผนในการนำพื้นที่มาใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะนั้น ครั้งนี้เมืองพัทยาจึงได้เชิญตัวแทนจากทางมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหรือองค์กรการกุศลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมไทย-จีนเป็นอย่างดี เข้ามาตรวจสอบสภาพของพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยมีแผนการที่จะทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน หรือ MOU ระหว่างเมืองพัทยากับทางมูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา ในการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์การศึกษาและศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมไทย-จีน โดยจะมีการพัฒนา บูรณะ และนำพื้นที่มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

        ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ในการศึกษาแล้ว ยังจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คอีกแห่งของเมืองพัทยาที่จะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวพักผ่อน และกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความศรัทธาแบบชาวไทยเชื้อสายจีน ทั้งนี้จะหลังจากนี้จะได้มีการหารือร่วมกันและวางกรอบในการพัฒนา และการใช้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ต่อไป

Subscribe
Advertisement