จากกรณีที่เพจ Pattaya Future – พัทยาฟิวเจอร์ ได้ลงข้อความว่า “มีคนสงสัยเหมือนผมมั้ย? ทำไมบางแสนคนไปเที่ยวกันถล่มทลาย แต่พัทยาเงียบกริบ มันก็เหมือนอะไร รู้มั้ยครับ? เพราะอันนั้นคือบ้านเค้า ส่วนพัทยามันคือ แหล่งโกยเงินของเค้า ไม่แปลกที่เค้าจะทำบ้านเค้าให้ดี ไม่แปลกที่เค้าจะโปรโมทบ้านเค้าให้ดี เพราะมันคือ “บ้านของเค้า” ถนนหนทางบ้านเราทำแล้วทำอีก เส้นเดิมขุดรื้อ 3-4 รอบ มองไปบ้านเค้า ทำครั้งเดียวจบ ชาวพัทยาตาสว่างกันได้แล้วครับ บ้านของเรา เรารัก อย่าให้ใครมาเอาแต่ผลประโยชน์ ใช้พัทยาเป็นแหล่งขุมทรัพย์ #พัทยาเป็นผู้ร้ายในสายตา… ทั้ง ๆ ที่ดีกว่านี้ได้อีกมากมาย” พร้อมมีการนาภาพถ่ายมุมสูงบรรยากาศการจราจรหนาแน่น บริเวณถนนเลียบชายหาดบางแสนมาลง
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ.64) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อความดังกล่าว ว่า จากการที่เพจ Pattaya Future – พัทยาฟิวเจอร์ ได้โพสต์เมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 เวลาประมาณ 15.39 น. ในเนื้อหาแนวชักชวนให้ประชาชนสงสัย จับผิดการบริหารจัดการของเมืองพัทยา โดยยกเอาบางแสนมาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ นัยว่าเหตุที่บางแสนมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันถล่มทลายเพราะมีการโปรโมทการท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นบ้านของตน หากแต่ในส่วนของเมืองพัทยามีแต่การเอาผลประโยชน์เข้าตัว เนื่องจากไม่ใช่บ้านของตน
ทั้งนี้อยากจะสอบถามคนที่โพสต์ข้อความดังกล่าวว่าเอาสมองส่วนไหนคิด หากที่ผ่านมาคนที่โพสต์ข้อความเคยติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่องและเคยอ่านข่าว บทความต่าง ๆ ระหว่างพื้นที่บางแสนและเมืองพัทยา จะทราบดีว่าบางแสนนั้น 95% เป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนพัทยา นักท่องเที่ยว 15 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 10 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวไทย 5 ล้านคน ทำให้บริบทของ 2 พื้นที่แตกต่างกัน ซึ่งภาพการจราจรหนาแน่นพื้นที่บางแสนที่เพจดังกล่าวนำมาลงนั้น เป็นวันเสาร์และอาทิตย์ ถือเป็นเรื่องปกติของบางแสน แม้จะมีภาพรถติดของบางแสน แต่ที่ผ่านมาบางแสนมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวต่อปีไม่เกิน 3 ล้านคน และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งหมด ส่วนเมืองพัทยาเป็นตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และปัจจุบันเมืองพัทยาอยู่ระหว่างการปรับแผนรองรับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยเช่นกัน