ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวรายใหญ่พัทยา เร่งปรับตัวหลังโควิด-19 ทำธุรกิจพังยับ พลิกใช้ธุรกิจแพโดดร่มเปิดเป็น “คาเฟ่ตกหมึก” หวังให้พนักงานมีรายได้และมีงานทำระหว่างเปิดประเทศใหม่ กระแสตอบรับดีพบผู้ติด นักท่องเที่ยวไทยเดินทางพักผ่อนสร้างรายได้พอเลี้ยงตัว

          ​แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายลง และรัฐบาลได้มีมาตรการคลายล็อกให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ด้วยการอนุญาตให้เปิดบริการธุรกิจได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทว่ากิจการส่วนใหญ่ในพื้นที่เมืองพัทยาจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นหลัก ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจของตัวเองได้ หลายรายต้องปิดกิจการเป็นการชั่วคราวและถาวร ขณะที่แรงงานต่างหลั่งไหลเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเนื่องจากไร้ซึ่งอาชีพทำกิน
          โดยหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก คือกลุ่มผู้ประกอบเรือนำเที่ยวและการสันทนาการทางน้ำ เนื่องจากส่วนใหญ่ธุรกิจประเภทนี้แต่เดิมจะรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางกันมาเป็นกรุ๊ปหรือหมู่คณะ เฉลี่ยวันละ 8,000-10,000 คน เมื่อมีการปิดประเทศลงจึงทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องหยุดให้บริการแบบไม่มีกำหนด หลายรายจึงต้องหันไปมองหาทำการธุรกิจอื่นเพื่อรองรับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งแม้จะมากันในเฉพาะวันหยุดหรือวันนักขัตฤกษ์ แต่ก็สามารถช่วยเหลือและส่งเสริมรายได้ให้ผู้ประกอบการให้สามารถประคองธุรกิจไปได้จนกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะกลับมาเที่ยวที่เมืองพัทยาอีกครั้ง
          ​ด้านนายณัฐพงค์ มานะสม ประธานกรรมการบริษัท NPE ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวพัทยารายใหญ่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาใช้บริการเรือนำเที่ยวเลยแม้แต่รายเดียว ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาเงียบเหงาอย่างมาก ส่งผลกระทบทำให้ธุรกิจเรือนำเที่ยวและการเล่นสันทนาการทางน้ำที่มีอยู่กว่า 100 ลำ ต้องหยุดให้บริการแบบไม่มีกำหนด ขณะที่ทางบริษัทมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูพนักงานบางส่วน และการบำรุงรักษาสภาพเรือ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงแม้แรงงานจะลดลงไปกว่า 80 % แล้วก็ตาม เพราะธุรกิจยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้
          ​ทั้งนี้หลังรัฐบาลได้มีการประกาศคลายล็อกและได้มีนโยบายไทยเที่ยวไทย จึงได้คิดวิธีในการพลิกวิกฤติด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจากเรือข้ามฟากและแพลากร่ม ซึ่งมีอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วในการประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ผ่านมาระหว่างรอคอยนักท่องเที่ยวต่างชาติมา ด้วยการนำแพโดดร่มมาเปิดเป็นแพลอยน้ำในลักษณะ “คาเฟ่ ตกหมึก N.P.E. พัทยา” เพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งเป็นคาเฟ่ตกหมึกบนแพใหญ่กลางอ่าวพัทยา พร้อมอุปกรณ์ตกหมึกและเหยื่อ ซึ่งลูกค้าที่ตกได้ทางแพจะมีบริการทำซาซิมิสด พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ด วาซาบิ เสิร์ฟตลอดทั้งทริป ซึ่งการตกบนแพลากร่มไม่ต้องกลัวอาการเมาคลื่นแต่อย่างใด สนนราคาค่าบริการ 400 บาทต่อคน ส่วนเด็กที่สูงไม่ถึง 120 cm. ฟรี และเด็ก สูงเกิน 120-140 cm. คิดค่าบริการ 200 บาท นอกจากนี้บนแพตกหมึกยังมีบริหารร้านอาหาร มีดนตรีสดตลอดเวลา สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 250 คน จาก 3 แพที่มีอยู่ โดยลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย-พัทยา ซึ่งทางบริษัทจะมีเรือเร็วพร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตอลดเวลา โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น. -23.00 น.
​              นายณัฐพงค์ เปิดเผยต่อไปอีกว่าสำหรับคาเฟ่ ตกหมึก N.P.E. พัทยา ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนักท่องเที่ยวในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากพื้นที่อื่นๆ ทำให้เพจ “คาเฟ่ ตกหมึก N.P.E. พัทยา” ได้รับความนิยมมีผู้ติดตามในเพจถึง 3.5 ล้านคน จึงหันมาปรับเปลี่ยนธุรกิจในครั้งนี้ก็เพื่อประคองให้พนักงานได้มีอาชีพและมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ระหว่างรอธุรกิจหลักกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง ถึงแม้รายได้จะลดหายไปถึง 80% แต่ก็ยังดีกว่าพนักงานตกงานไม่มีรายได้เลย

Subscribe
Advertisement