จากกรณีที่ศาลจังหวัดพัทยา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัลคลิฟ เมืองพัทยา เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 โดยศาลพัทยาตัดสินจำคุก 3 แกนนำ นปช. ประกอบด้วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมมะ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. คนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมมะ ส่งไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษหนองปลาไหล ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 2 ธ.ค.62 นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ม.ค.63 ที่เรือนจำพิเศษหนองปลาไหล นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. พร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงและญาติ ได้เดินทางเข้ายื่นขอความจำนงเข้าเยี่ยมนายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมมะ และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. คนอื่นๆ โดยทางเรือนจำได้อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ตามสิทธิเป็นเวลาประมาณ 30 นาที
นายจตุพร กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการให้กำลังใจพรรคพวก หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดให้จำคุก 4 ปี ซึ่งจากการสนทนาพบว่าทุกคนเข้มแข็งและมีกำลังใจที่ดีไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ยกเว้นนายพิเชฐ สุขจินดาทอง ซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยเดิมอยู่แล้ว คิดว่าแต่ละคนน่าจะปรับตัวได้ดี เพราะเคยผ่านบทเรียนในช่วงระหว่างคำพิพากษาจากศาลอุทธรณ์ไปศาลฎีกา จึงรู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างถูกคุมขัง และต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ตามคำขวัญของทุกเรือนจำว่า “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” ถ้าทำใจอย่างนี้ได้แล้วก็จะดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข และชีวิตจะมีความหมาย
(ชมคลิป)
Advertisement
