พระครูพิพิธกิจจารักษ์ เจ้าคณะอำเภอบางละมุง กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นที่วัดบุญสัมพันธ์ที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วมี “หลวงพี่น้ำฝน” หรือพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม เสนอตัวเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ แต่สังคมสงสัยว่าการที่หลวงพี่น้ำฝนเดินทางมาจากจังหวัดอื่น และเข้ามาจัดการปัญหาของวัดในพื้นที่ชลบุรีนั้นถูกต้องหรือไม่ แทนที่จะเป็นทางสำนักพระพุทธศาสนาในชลบุรี หรือสภาสงฆ์ อาทิ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดในพื้นที่นั้น ในความเป็นจริงนั้นที่หลวงพี่น้ำฝน มาก็เพราะว่าให้ข่าวออกทั่วประเทศว่าตัวท่านคุ้นเคยกับ “พระครูวิสุทธิปิยากร” หรือ “หลวงพ่ออาจ” อดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไป จึงอาสารับไปว่าจะช่วยดูแลวัดให้ แต่ไม่ได้มีอำนาจใหญ่โตที่จะมาสั่งคนนั้นคนนี้ได้ แต่ที่มานี้ตัวหลวงพี่น้ำฝนได้รายงานต่อเจ้าคณะภาคว่าจะมาช่วยดูแลให้เท่านั้น ตามที่เคยรับปากไว้กับ “หลวงพ่ออาจ” เจ้าอาวาสองค์เก่า
พระครูพิพิจกิจจารักษ์ กล่าวต่อไปว่า ต่อมาทางวัดบุญสัมพันธ์ก็โทรมาแจ้งว่าได้คุยกับไวยาวัจกรแล้ว และขอให้เขายุติการกระทำเกี่ยวกับวัดทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ปัญหาทุกอย่างจะถูกคลี่คลายไป และส่วนตัวในฐานะเจ้าคณะอำเภอบางละมุง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับหนังสือว่าไวยาวัจกรลาออกที่เป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใดเช่นกัน มีแต่การพูดกันเองเท่านั้น แต่อีกไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทางสภาสงฆ์อำเภอบางละมุงและสำนักพระพุทธศาสนาจะเข้าไปดูแลจัดการปัญหาเอง เพราะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นใหม่เพื่อเข้าไปดูแล และเมื่อไปสอบแล้วได้ผลเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ว่ากันไปตามระเบียบ คือเรื่องระเบียบของวัด คือที่สร้างวัดมีหลักฐานอะไรบ้างเกี่ยวกับใบโฉนดที่ดิน นส.3 หรือมีผู้ถวายไว้มันต้องมีหลักฐาน ซึ่งต้องให้สำนักงานที่ดินไปตรวจสอบ ประการที่ 2 เจ้าอาวาสต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่ จะปฏิเสธไม่รู้ไม่รับผิดชอบไม่ได้ เรื่องไวยาวัจกรไม่จำเป็นต้องตั้งคนเดียว สามารถตั้ง 2 หรือ 3 คนก็ได้แล้วแต่ว่างานที่ให้ทำนั้นทำอะไรบ้าง ในครั้งนี้คาดว่าจะมีการจัดตั้งมีไวยาวัจกรเพิ่มเป็น 3 คนดูแล เพื่อดูแลเรื่องการเงิน การศึกษา และเรื่องสาธารณะทั่วไป ด้วยที่ผ่านมามีไวยาวัจกรเพียงคนเดียว ดังนั้นเจ้าอาวาสจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะผลประโยชน์อยู่ที่วัด เมื่อเกิดเรื่องจึงสั่งให้หยุดรับทัวร์ไปก่อนจนกว่าจะทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จ
(ชมคลิป)
Advertisement
