(11 กรกฎาคม 2562) ที่ ห้องประชุม สำนักการช่างสุขาภิบาล ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายอนุวัตร ทองคำ ผู้อำนวยการสำนักการช่างสุขาภิบาลเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมหารือโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำฝนถนนพัทยาสาย 2 พัทยาใต้ พร้อมด้วยนายวรพต พงษ์พาลี ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา และดต.ภัทรพล ชมภูเพชร ผบ.หมู่ จร.สภ.พัทยา ท่ามกลางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
โดยในที่ประชุมได้มีการหารือถึงแผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการก่อสร้างใดๆ แม้จะผ่านระยะสัญญามาแล้วกว่า 2 เดือน ซึ่งมี หจก.กล้าหาญ การโยธา เป็นผู้ดำเนินงาน ตามระยะสัญญา ตั้งแต่ 8 พฤษภาคม- 4 พฤศจิกายน 2562 เนื่องจากที่ผ่านมาทางผู้รับเหมาได้มีการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลของพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการวางแผนการทำงาน และเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อเข้ามาดำเนินการก่อสร้างในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้
โดยโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำฝนถนนพัทยาสาย 2 พัทยาใต้ เป็นโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณแยกทางขึ้นเขาพระตำหนัก ถึงคลองพัทยาใต้ ถนนพัทยาสาย 2 ระยะทางทั้งสิ้น 282 เมตร ตั้งแต่บาบา อินเดีย เรสเตอรอง พัทยา ไปจนถึงพัทยาสาย 2 ซอย 18 ซึ่งจะมีการดำเนินการก่อสร้าง วางท่อ HDPE ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,600 มม. แบบ SN4 ความยาวรวมบ่อพักระบายน้ำฝนไม่น้อยกว่า 243 เมตร พร้อมก่อสร้างบ่อรวบรวมน้ำฝน ค.ส.ล. ขนาด 2.60×2.60×2.90 เมตร และรางระบายน้ำฝน รวมทั้งฝาตะแกรงเหล็ก จำนวนไม่น้อยกว่า 5 จุด อีกทั้งการก่อสร้างผิวจราจร ค.ส.ล. ขนาดกว้างประมาณ 3-5 เมตร ความหนาเฉลี่ย 0.20 เมตร ความยาวรวมประมาณ 282 เมตร คิดเป็นพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,120 เมตร และก่อสร้างบล็อกคอนเวิร์ส ขนาด 2 ช่อง 2×2 เมตร ยาว 39 เมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ซึ่งหลังจากที่ได้มีการหารือในด้านการจัดการจราจรแล้ว ในที่ประชุมมีมติให้ทางผู้ดำเนินโครงการ จัดการจราจรในพื้นที่การก่อสร้างเป็นแบบวันเวย์ ให้รถสามารถเดินทางเดียวจากสี่แยกวัดชัยมงคลมุ่งหน้าขึ้นเขาพระตำหนักได้ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาการจราจรให้แก่ประชาชน หากจะมีการปิดถนนในช่วงดังกล่าวเลย อาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากถนนสายนี้สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังชายหาดจอมเทียนได้ โดยผู้รับเหมาเมื่อขุดวางท่อเสร็จตามระยะแล้ว จะต้องดำเนินการกลบฝังท่อให้เรียบร้อย เพื่อคืนผิวการจราจรให้แก่ประชาชน อันเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้มีการทักท้วงถึงความเหมาะสมของห้วงเวลาที่จะเข้าเปิดพื้นที่หน้างานของผู้รับเหมา ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ซึ่งการก่อสร้างจะไปกระทบกับการจัดงานพัทยามาราธอนในวันที่ 21 ก.ค. เนื่องจากพื้นที่การก่อสร้างทั้งหมดนั้นเป็นเส้นทางส่วนหนึ่งของการวิ่งในระยะ 10 กิโลเมตร เกรงว่าหากปล่อยให้บริษัทเข้าดำเนินการก่อสร้าง เศษวัสดุต่างๆ และอุปกรณ์การก่อสร้าง จะส่งผลให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับนักวิ่งได้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมงานถึง 5,000 คน ที่ประชุมจึงได้มีการตัดสินใจให้เลื่อนกำหนดการก่อสร้างไปอีก 10 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ทันที
ขณะที่ ดต.ภัทรพล ชมภูเพชร ผบ.หมู่ จร.สภ.พัทยา กล่าวว่า การก่อสร้างโครงการดังกล่าว หากจะดำเนินการปิดถนนก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประชาชนอย่างแน่นอน แต่หากเปิดให้มีการสัญจรเพียง 1 ช่องจราจร ในฝั่งมุ่งหน้าขึ้นเขาพระตำหนัก ก็คิดว่าจะช่วยแบ่งเบาปัญหาการจราจรได้ระดับหนึ่ง โดยให้เมืองพัทยาทำหนังสือขอจัดการจราจรชั่วคราวในพื้นที่ดังกล่าวมายังสภ.พัทยา เพื่อที่จะได้มีการประกาศบังคับใช้ต่อไป
ด้านนายวรพต พงษ์พาลี ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ในระหว่างนี้ก็ขอให้ทางผู้รับเหมาประสานกับการไฟฟ้าฯ ประปา และทีโอที ในการลงพื้นที่เพื่อชี้จุด หรือแนวสายสัญญาณต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานราบรื่น ไม่ต้องหยุดกลางคัน เนื่องจากติดปัญหาแนวท่อน้ำ แนวสายสัญญาณต่างๆ และเตรียมอุปกรณ์ วัสดุ ป้ายเตือน ป้ายประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้พร้อมเพื่อเข้าดำเนินการทันทีหลังจากจบงานพัทยามาราธอน ซึ่งจากการศึกษาแผนงานแล้วคิดว่าแม้ผู้รับเหมาจะเข้าดำเนินการช้ากว่ากำหนด แต่ในพื้นที่ก่อสร้างยังสามารถทำงานได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน หากมีการบริหารจัดการเวลาได้อย่างเหมาะสม เชื่อว่าการก่อสร้างน่าจะเสร็จทันตามกำหนด เพื่อไม่ให้กระทบกับการเตรียมงานพัทยาเคาท์ดาวน์ในช่วงปลายปี
สำหรับโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำฝนถนนพัทยาสาย 2 พัทยาใต้นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เมืองพัทยาพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเบ็ดเสร็จทั่วพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบายของนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ซึ่งหลังจากนี้ทางเมืองพัทยา โดยสำนักการช่างสุขาภิบาล ก็จะเร่งทำหนังสือขอจัดการจราจรชั่วคราวไปถึง สภ.พัทยา ภายใน 10 วันนี้ เพื่อให้ สภ.พัทยา ประกาศบังคับใช้ก่อนที่ผู้รับเหมาะจะเข้าเปิดหน้างานล่วงหน้าก่อน 4-5 วัน เพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว พร้อมจะควบคุมให้มีการติดตั้งป้ายเตือน หรือข้อความต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ
Advertisement
