ทร.จัดเรือรบพร้อมอากาศยาน เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน รับพายุปาบึก

          ( 3 ม.ค.62 ) ที่ท่าเรือแหลมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กองทัพเรือได้จัดตั้งหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล โดยมอบหมายให้เรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงมกุฎราชกุมาร พร้อมอากาศยาน จำนวน 2 ลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 28 นาย และชุดแพทย์สนาม โดยมีพลเรือตรี ชวิน เวียงวิเศษ เป็นผู้บังคับหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล (ผบ.มรภ.ทร.) เพื่อเตรียมความพร้อมของเรือ กำลังพล ยุทโธปกรณ์ และทีมแพทย์ สำหรับการออกไปช่วยเหลือประชาชนกรณีหากเกิดภัยพิบัติ เกิดผลกระทบจากวาตภัย และอุทกภัย ในพื้นที่ภาคใต้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้เตือนภัยพายุ “ปาบึก” (PABUK) ซึ่งเป็นพายุโซนร้อนบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็ว 6 นอต คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านปลายแหลมญวน เข้าสู่อ่าวไทย ในช่วงวันที่ 3 – 4 ม.ค.62 และขึ้นฝั่งระหว่าง จ.สุราษฎร์ธานี กับ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงวันที่ 4 – 5 ม.ค.62 ก่อนที่จะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามันต่อไป จากสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

เรือหลวงอ่างทอง โดยมีนาวาโท ภานุชา ลุขะรัง เป็นผู้บังคับการเรือ ซึ่งจะเป็นเรือหลักในการให้ความช่วยเหลือในทะเลและบนฝั่งที่ได้รับผลกระทบ จัดเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ประเภท LPD (Landing Platform Dock) เป็นเรือในชั้น Endurance Class เข้าประจำการที่กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.2555 มีกำลังพลประจำเรือ จำนวน 151 นาย มีระวางขับน้ำปกติ 7,600 ตัน มีความยาว 141 เมตร กว้าง 21 เมตร กินน้ำลึก 4.6 เมตร มีความสูงถึง 9 ชั้น ถ้าเทียบขนาดของเรือหลวงอ่างทอง ถือว่ามีความใหญ่เป็นอันดับสามรองจาก เรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ สามารถทำความเร็วสูงสุดมากกว่า 17 นอต และมีระยะปฏิบัติการ มากกว่า 5,000 ไมล์ทะเล ที่ความเร็ว 12 นอต สามารถปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 45 วัน และถูกออกแบบมาให้มีความคงทนทะเลในระดับ Sea State 6 (มีตั้งแต่ Sea State 0-9) ซึ่งสามารถทนระดับความสูงของคลื่นได้ประมาณ 4-6 เมตร

นอกจากเรือหลวงอ่างทองที่มีภารกิจหลัก ในการสนับสนุนการยกพลขึ้นบกให้กับกำลังนาวิกโยธินในการเคลื่อนกำลังพลจากทะเลสู่ฝั่ง (โจมตีโฉบฉวย สะเทินน้ำสะเทินบก) การขนส่งลำเลียงทางทะเล รวมไปถึงการลำเลียงขนส่งทางอากาศด้วยอากาศยาน อีกทั้งยังเป็นเรือบัญชาการฐานปฏิบัติการในทะเล รวมถึงภารกิจการสนับสนุนการฝึกต่างๆ รวมทั้งการลำเลียงระยะไกล สำหรับภารกิจในยามปกติ ก็สามารถใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การส่งอาหารและยาเวชภัณฑ์ทางอากาศ รวมถึงการช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากพื้นที่ภัยพิบัติจากฝั่งเข้ามาสู่อู่ลอยของเรือได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลที่กำลังเกิดคลื่นลมแรง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นทั้งฐานลอยน้ำและฐานบินเคลื่อนที่สำหรับรับ-ส่ง ผู้ประสบภัยกลางทะเล รวมไปถึงเป็นโรงพยาบาลเคลื่อนที่สำหรับการปฐมพยาบาล และใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยได้อีกด้วย ที่ผ่านมา เรือหลวงอ่างทอง ได้ให้ทำการช่วยเหลือจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ในห้วง ม.ค.60 นับว่าเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงหนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เรือหลวงอ่างทอง ถือได้ว่าเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติในทะเลและอุกทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบ นั้น เรือหลวงอ่างทอง พร้อมที่จะออกเรือจาก ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ทลท.กทส.ฐท.สส.) เพื่อเดินทางเข้าพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใน 15 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนทันที “ทหารเรือจะอยู่เคียงข้างประชาชน”

Subscribe
Advertisement